9/29/2009

ก า ร ทำ ดี ต้ อ ง ไ ม่ มี พ อ



ก า ร ทำ ดี ต้ อ ง ไ ม่ มี พ อ

การทำดีต้องไม่มีพอ ต้องทำให้ยิ่งขึ้นอยู่เสมอ
เพราะไม่มีใครอาจประมาณได้ว่าเมื่อใดจะตกไปในที่มืดมิดขนาดไหน
ต้องการแสงสว่างจัดเพียงใด

ถ้าไม่ตกเข้าไปในที่มืดมิดมากมายนัก มีแสงสว่างมากไว้ก่อน ก็ไม่ขาดทุนไม่เสียหาย
แต่ถ้าตกเข้าไปในที่มืดมิดมากมาย แสงสว่างน้อย ก็จะไม่เพียงพอจะเห็นอะไรๆ ได้ถนัดชัดเจน

การมีแสงสว่างมาก จะช่วยให้รอดพ้นจากการสะดุดหกล้มลงเหวลงคู
หรือตกเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายจนถึงตายถึงเป็น

อานุภาพของความดีหรือบุญกุศลนั้นเป็นอัศจรรย์จริงเชื่อไว้ดีกว่าไม่เชื่อ
และเมื่อเชื่อแล้วก็ให้พากันแสวงหาอานุภาพของความดีหรือของบุญกุศล
ให้เห็นความอัศจรรย์ด้วยตนเองเถิด

ที่จริงนั้นใจบริสุทธิ์ผ่องใส กิเลสเข้าจับทำให้สกปรกไปตามกิเลส
ปล่อยให้กิเลสจับมากเพียงไรใจก็สกปรกมากขึ้นเพียงนั้น

นำกิเลสออกเสียบ้างใจก็จะลดความสกปรกลงบ้าง
นำกิเลสออกมากใจก็ลดความสกปรกลงมาก
นำกิเลสออกหมดสิ้นเชิงใจก็บริสุทธิ์สิ้นเชิง
เป็นสภาพใจที่แท้จริง มีความผ่องใส

เมื่อใจกับความสกปรกหรือกิเลสเป็นคนละอย่างไม่ใช่อย่างเดียว
อันเดียวกันทุกคนจึงสามารถจะแยกใจของตนให้พ้นจากกิเลสได้
คือสามารถจะนำกิเลสออกจากใจได้

การจะทำให้ใจเป็นสุขผ่องใสนั้นไม่มีใครจะทำให้ใครได้
เจ้าตัวต้องทำของตัวเองวิธีทำก็คือ
เมื่อเกิด โลภ โกรธ หลงขึ้นเมื่อใด ให้พยายามมีสติรู้ให้เร็วที่สุด
และใช้ปัญญายับยั้งเสียให้ทันท่วงที อย่าปล่อยให้ช้า
เพราะจะเหมือนไฟไหม้บ้านยิ่งดับช้าก็ยิ่งดับยาก และเสียหายมากโดยไม่จำเป็น

No comments: