3/03/2010

กรรมตามสนอง ตอน หวยพาฉิบหาย

เรื่อง "หวยพาฉิบหาย" นี้ คุณโพธิ์ศรี นักปฏิบัติธรรม กลุ่มขอนแก่นอโศก อายุ ๔๑ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๔๗/๑ บ้านหินกอง หมู่ที่ ๔ ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ได้เล่าให้กับผู้เขียนฟัง...

สมัยที่คุณโพธิ์ศรี ยังเป็นเด็ก พ่อแม่และครอบครัวอยู่ที่บ้านโนนสูง จ.อุดรธานี พ่อ-แม่ ค้าขายเครื่องดื่ม จำพวกโอเลี้ยง น้ำชาทำนองนี้

ต่อมา ก็เลิกค้าขาย ไปทำงานอยู่ที่ค่ายทหารชื่อ ค่ายรามสูร ซึ่งเป็นค่ายทหารฝรั่ง พ่อผม ทำงาน อยู่ค่ายทหารแห่งนี้ มานานพอสมควร ตอนนั้น พ่อยังเป็น คนขยันและเป็น คนดีมากเลย

แต่ต่อมา ราวปี ๒๕๐๘-๒๕๐๙ ได้มีเพื่อนของพ่อผมคนหนึ่ง มาชักชวนพ่อให้เข้าสู่ วงการพนัน หวยเถื่อน คือพาไปรับ หวยเถื่อนจากเจ้า มือหวยใหญ่ในเมือง อุดรธานี พอรับมา ขายก็ขายดีมาก พ่อ เลยยึดอาชีพ ขาย หวยนี้ไปเรื่อยๆ

รับหวยมาขายประมาณ ๒ ปี ก็เก็บสะสมเงิน ได้มากพอสมควร แต่คราวหนึ่งพ่อผม ตรวจเลขที่เขาแทงมา ตกหล่นไป พอดีเลขนั้นดัน มาออกเสียด้วย พ่อจำเป็นต้องควักเงินของตัวเอง ออกมาจ่ายแทนเจ้ามือ ตอนนั้น พ่อเสียใจมาก ที่ต้องมาสูญเสียเงินก้อนใหญ่ไป

หลังจากพ่อเสียเงินไปฟรีๆคราวนั้นแล้ว พ่อก็คิดว่า เราขายหวยให้เขามาถึง ๒ ปีกว่าๆแล้ว ทำเงินให้เขามา ก็มากแล้ว การซื้อการขาย เราก็รู้จักหมดแล้ว อย่าเลย ต่อจากนี้ไป เราจะไม่เป็นลูกมือ ของเขาอีกแล้ว เราควรจะตั้งตัว เป็นเจ้ามือหวยเสียเอง จะดีกว่า

หลัง จากนั้นมา พ่อก็ดำเนินงานเป็นเจ้ามือหวยใหญ่เสียเอง แล้วพวกชาวบ้าน ก็พากันมาสมัคร เป็นลูกมือ ของพ่อมากมาย

พ่อเป็นเจ้ามือหวย เถื่อน ทั้งออกขายเอง และให้ผู้คนมารับไปขายด้วย ทำอยู่หลายปี กิจการแรกๆดีพอสมควร ทำให้ฐานะทางครอบครัวของพ่อดีขึ้นมาเรื่อยๆ มีเงินสร้างบ้านหลังใหม่ และมีเงินฝากธนาคาร หลายล้านบาท ทีเดียว ราวปี ๒๕๑๕ อายุตอนนั้น ๔๐ กว่าปีแล้ว พ่อผมมีคน นับหน้าถือตา เรียกว่า ฐานะเทียมเศรษฐี ทีเดียวละ ดวง ของคนน่ะ ผู้ เฒ่าผู้แก่บอกว่า มันมีขึ้น มันก็ย่อมมีลง พอดวง ของพ่อผม มันขึ้นมา ถึงขีดสุดของมันแล้ว มันก็ เริ่มลง ใน ปีนั้น มีพระอาจารย์ได้มาบอกใบ้ ให้หวยแก่ผู้คน แถวๆ ที่พ่อและลูกน้อง ขายหวยอยู่ พวกชาวบ้าน พากันตีเป็นเลข ตัวนั้นตัวนี้ แล้วก็ มาซื้อเลข ผลพอหวยออกมา จะถูกแทบทุกงวดเลย งวดละไม่ต่ำกว่า ๓-๔ แสน คิดดูซิ ! ถูกติด กันอยู่เกือบปี

เงินที่ได้จาก การขายหวย เก็บหอมรอมริบ เอาไว้จำนวนหลายล้านบาท ถึงคราวที่เขา จะเอาของเขา คืนบ้างละ ก็การพนันนี่ครับ พระท่านว่า "มันมีได้ก็ย่อมมีเสีย แต่ส่วนใหญ่จะเสียมากกว่า ได้" เงินที่มีอยู่ ก็นำมาจ่ายไปเรื่อยๆ ร่อยหรอลงๆ ครั้งสุดท้าย เลขดังเลขเด็ดคือเลข ๕๑๐ ผู้คนก็พากันหลั่งไหล มาซื้อกับพ่อ พ่อผมคิดว่า มันจะไม่ออก เลยบอกลูกน้อง รับแทงไม่อั้น

ผลของการออกหวย ครั้งนั้น ออกมาจังๆ เลย ๕๑๐ คราวนั้นพ่อผม ต้องจ่ายไปล้านกว่าบาท เงินสมัยนั้น ล้านกว่าบาท มากโขทีเดียว เรียกว่า คราวนั้น โดนหวยกินหัวจังๆเลยละ ปรากฏ ว่าพ่อผม มีเงินไม่พอ จ่ายค่าหวยเขา พ่อกับแม่ เลยหันหน้า ปรึกษากันว่า เราควรพากันหลบหนีกันดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ เขาจะแห่กัน มาเอาเงินค่า ถูกหวยกันแล้ว

ดังนั้น พ่อแม่ จึงหลบหนีหนี้ค่าหวยไปอย่าง รีบด่วน แล้วปล่อยให้ลูกๆ รับเคราะห์กรรม คือ โดน ชาวบ้าน ที่จะมารับเงิน ค่าถูกหวย ด่าว่า เขาสาปแช่งต่างๆนานา จนบางคนโมโหมาก เกือบ จะมาฆ่าพวกผมตายก็มี

พ่อกับแม่หลบหนี มาเช่าบ้านอยู่กับญาติที่ อ.น้ำพอง จนกระทั่งเห็นว่า เรื่องมันเย็นลงมากแล้ว ก็ให้ยาย มารับพวกผม ไปอยู่ด้วย แต่พ่อยังคิดว่า หากขืนพวกเรา พากันหลบอยู่ใกล้ๆแถวนี้ ผู้คนที่ถูกหวย หากรู้เข้า ก็จะตามมา ทวงถามเอา เงินของเขาเป็นแน่ พ่อจึงบอก พวกเราควรย้าย หนีไปจากที่นี่ ไปอยู่ที่ไกลๆ สักระยะก่อน แล้ว ค่อยกลับมาทีหลัง

จึงพากันย้าย ไปที่หมู่บ้านปากคลาด (ปัจจุบันเป็น อ.ปากคลาด) จ.หนองคาย ไปเช่าบ้านอยู่ได้ไม่นาน พ่อผมก็ยัง ไม่เข็ดขยาดอีก เรียกว่าผีการพนันเข้าสิง สู่จิตวิญญาณ เสียแล้ว พ่อก็ขายหวยอีก ทั้งให้ผู้คน รับไปขายด้วย

พ่อขายหวย อยู่ที่บ้านปากคลาด เป็นเวลาเกือบปี เห็นว่าพอมีเงินใช้หนี้ เขาได้บ้างแล้ว จึงชวนแม่ และลูกๆ กลับมาอยู่ที่บ้านโนนสูง จ.อุดรธานีอีกครั้ง เอาเงินมาใช้หนี้ ค่าหวยเขา คนละห้าสิบเปอร์เซนต์ก่อน แล้วก็มาขายหวยอีก
การกลับมา ขายหวยของพ่อในคราวนี้ มันคงจะเป็นวิบากกรรม ที่พ่อเคยโกงเขา ไม่ยอม จ่ายเงินให้เขา ในคราวที่ พวกชาวบ้านเขาถูกหวยนั้น มันจึงส่งผลมาถึงคราวนี้ เพราะคนถูกหวย ทุกงวดเลย ทั้งๆที่ ไม่มีพระบอกหวยอีก ถูกทีละมากๆด้วย

สุดท้าย พ่อผมเลยเอาที่นาไปจำนอง เอาที่บ้านและที่อยู่อาศัยไปจำนำ เอาเงินมาจ่ายค่าหวยเขา ตอนนี้พ่อผม กลายเป็นคน คล้ายเสียสติ เป็นเหมือนคนบ้า นั่งเหม่อลอย ข้าวปลาอาหารก็ไม่ค่อยสน นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ ผุดลุกผุดนั่ง บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว

พ่อเคยมีเงินใช้จ่าย ทีละมากๆ มีเงินอยู่ธนาคาร ตั้งหลายล้านบาท เคยมีไร่นา เคยมีคนนับหน้าถือตา แต่คราวนี้ พ่อโดน "หวยกินหัว" เสียหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่ง ที่อยู่อาศัยก็ ไม่มีแล้ว พ่อคงต้อง คิดหนักมาก ในคราวนั้น

แล้วในคืนวันหนึ่ง พ่อปรึกษากับแม่ว่า จะกลับไปเยี่ยมปู่-ย่า เพื่อจะถามไถ่ ขอเงินมาไถ่บ้าน และไร่นา ที่พ่อ เอาไปจำนอง เขาไว้นั้น บ้านปู่- ย่าของผม อยู่ที่บ้านคำอีปุ่ม จ.ขอนแก่น

ถึงที่นั่นแล้ว พ่อกลับไม่ได้ไปปรึกษาเรื่องเงิน ที่จะมาไถ่ที่ดิน เพียงมาเยี่ยมเยียนเฉยๆ แต่ ทว่าพ่อได้นำ เอาเรื่อง ของการสูญเสียเงินทอง ไร่นา ที่อยู่อาศัย ไปปรึกษากับเพื่อนๆที่เป็น "เสือปล้น" ซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน ของปู่-ย่า ของผมนั่นเอง
เพื่อนๆของพ่อ ล้วนแล้วแต่เป็นเสือปล้น ที่มีประวัติ ในการปล้นมาแล้ว อย่างโชกโชนทีเดียว โดยเฉพาะ หัวหน้าโจร มีค่าหัวเป็นแสน โจรกลุ่มนี้ มีอยู่ ๗-๘ คนด้วยกัน พอพ่อเอาเรื่องความทุกข์ใจ ไปปรึกษา พวกเพื่อนๆของพ่อ ก็พูดว่า "ไม่เป็นไร หรอกน่า เดี๋ยวข้าจะพาเอ็งไปปล้น เอาเงินมาไถ่ไร่ ไถ่นา ไถ่ที่ ไถ่บ้านของเอ็ง ว่าแต่ว่าเอ็ง จะกล้าไปปล้น กับพวกข้าไหมล่ะ"

พ่อผมคงจะคิดว่า เมื่อมันจนตรอกแล้ว ทำอะไรก็ได้ ที่มันจะได้เงินมาจึงตอบรับไป แล้วแผนการณ์ ออกปล้น ก็เกิดขึ้น.... ในครั้งนั้น ก็พากันไปปล้น แถวๆละแวกบ้าน ที่อยู่ใกล้ๆ หมู่บ้าน ของปู่ย่า ของผมนั้นเอง

พ่อเป็นเสือปล้นในคราวนั้น ก็เพราะความจําเป็น เป็นเสือหัดใหม่ หรือจะเรียกว่า มือใหม่หัดปล้นก็ว่าได้ พ่อไปกับเพื่อนๆ ที่เป็นเสือร้าย ที่ผ่านสนามปล้นมาแล้ว อย่างโชกโชน เรียกว่า เสือชํานาญการปล้น การฆ่าทั้งนั้น

การไปปล้นคราวนั้น พ่อและเพื่อนๆ พากันปิดหมู่บ้านปล้นเลยละ ทุกคนใช้ผ้า คลุมหน้ากันหมด ปล้นตั้งแต่ เวลา ๙.๐๐ น. ยันเที่ยงวัน เรียกว่าปล้นทุกหลังคาเรือนเลย แต่ได้เงิน ไม่มากพอกับความต้องการ ผู้เป็นหัวหน้าโจร เลยสั่งให้ลูกน้อง จับเอาชาวบ้านไป เพื่อจะให้ชาวบ้าน นําเงินไปไถ่เอาตัวคืน

เมื่อปล้นเสร็จ พวกเสือปล้นทั้ง หลายก็พากันล่าถอย เดินตามเส้นทางลัดผ่าป่าดง พอเดินไปได้ สักพัก ประมาณ ๔-๕ ก.ม. ก็พากันหยุดพัก เพื่อรอเงิน จากชาวบ้าน ที่จะเอาเงินมาไถ่ตัวประกัน สัก พักใหญ่ๆ ชาวบ้านก็ได้นําเอา เจ้าหน้าที่ตํารวจจาก อ.น้ำพองให้มาจับโจร พร้อมกับให้มาช่วย ตัวประกันด้วย ตํารวจพูดขึ้น ว่า "นี่เจ้าหน้าที่ตํารวจ ขอให้ยอมมอบตัวซะดีๆ เพราะขณะนี้ ตํารวจได้ล้อม เอาไว้หมดแล้ว ถ้าไม่ยอมมอบตัว จะจัดการขั้นเด็ดขาด"

เสือมันก็คือเสือนั่นแหละครับ พวกเสือร้าย ได้ยินคําว่า ตํารวจมาเท่านั้น แหละ สัญชาตญาณ ของเสือร้าย มีหรือ ที่ยอมให้จับ หรือมอบตัวง่ายๆ พวกเสือร้ายก็เปิดฉากยิงปืน เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตํารวจก่อนทันที

พ่อเป็นคนเฝ้าตัวประกัน เป็นเสือจําเป็น เป็นเสือเพิ่งหัดใหม่ พอได้ยินคําว่า ตํารวจมาเท่านั้น ก็เกิด ความพะวักพะวง คิดไม่ถึงว่า เหตุการณ์มันจะเลวร้ายอย่างนี้ ยิ่งเห็นตํารวจ และโจรร้าย ยิงต่อสู้กัน ก็ยิ่งตกใจกลัว จนตัวสั่น กลัวความผิด กลัวตํารวจจะจับได้ กลัวติดคุก ติดตะราง จึงรีบปล่อยตัวประกัน ให้เป็นอิสระ พวกเสือร้าย ได้โยนระเบิดมือ ใส่เจ้าหน้าที่ ตํารวจ เพื่อเป็นการเปิดทางหนี พอระเบิดดังตูม! ขึ้นเท่านั้น พวกเสือร้าย ที่ชํานาญการปล้นจี้นี้ ก็พากันหลบหนี ไปหมดทุกคน

ส่วนพ่อผม ไม่เคยทําความผิด ไม่เคยปล้น จี้เขากิน ไม่เคยเจอเหตุการณ์ อย่างนี้มาก่อนเลย ในชีวิต เลยไม่รู้จัก หนีเอาตัวรอด ได้แต่ยืนตัวสั่นงันงก อยู่อย่างนั้นเอง สุดท้าย พ่อเลยโดน ลูกปืนของ เจ้าหน้าที่ ตํารวจ จนตัวตายในที่เกิดเหตุ นั้นเอง

สําหรับกระผม ผู้เป็นลูกของพ่อ ก็อยากจะขอติงเตือน คนที่ยังชอบซื้อหวย ชอบขายหวย หรือชอบเล่น การพนันอยู่ละก็ จงเลิกเล่น เลิกซื้อ เลิกขายกันเถอะครับ ดูตัวอย่างของพ่อผมซิ หากพ่อไม่ถลําตัว ไปเล่นหวย จนไปขายหวยเบอร์ พ่อผมคงจะไม่โดนหวยพาฉิบหาย จนหมดวัว หมดควาย หมดไร่ หมดนา หมดแม้กระทั่ง ที่อยู่อาศัย แถมโดนผู้คน สาปแช่งว่าร้าย จนพวก ลูกๆนี่อายผู้คน สุดท้าย ต้องมาสูญ เสียชีวิตไป เพราะหวยกินหัวนี้เอง


ก่อนจาก กระผมผู้เขียนอยากจะนําเอา บทเพลงของคุณซึ้งบุญ บุรณกิติ ที่ร้องอยู่ ในเท็ปชุด "ลําเพลิน จุดไฟชีวิต" ชื่อเพลง "หวยกิน หัว" เธอร้องเอาไว้ มีคติสอนใจดีมาก กระผมอยาก จะนําเอามา ให้ท่าน ที่ยังซื้อหวย ยังเล่นหวยเบอร์อยู่ ได้นําเอาไปร้อง เพื่อเป็นคติ เตือนใจบ้าง


"อยาก จะรวยทางลัดอนาจจิต เฝ้าแต่ คิดไปมาห่วงหาหวย กราบผีไหว้พระก็กะจะรวย ขอแต่หวยให้อะไร ก็ไม่เอา อันศีลห้าพระมีให้ ไม่ขอ ทั้งหลวงพ่อหลวงพี่แม่ชีเฒ่า ให้ธรรมะอะไรก็ไม่เอา จะอวยแต่เหา จะเอาแต่หวยลูกเดียว

เที่ยวไปไหว้หลวงตาญาท่าน ต้องการหวยท่อนั้น คั้นสั้นบ่มา งวดนี้น่า หลวงตาว่าโตใด๋ พระกะอุ๊กพอต่ายหน่าย โยมจอมลุ้น มา วายวุ่นคนหมุนอยู่บางกอก ผู้บอก อยู่กุดข้าวปุ้น สิมีลุ้นจั่งใด๋ ปูต้นไม้ ทาแป้งใส่เทียนลน ยากนําคนหาหวยจนป่วย ตายลางต้น

บางคนนั้น อธิษฐานสาก่อน ยามสินอน นั้นจาเว้าต่อมะลาง ปู่ย่าบ้างพ่อแม่ตายป๋า นม หามือเป็นหอน ค่อยวิงวอนเว้า เชิญมาเข่าความฝัน บอกเลขแน่ เด้อพ่อแก้วแม่แก้วตายแล้วกะแอ่วลาว ผีบอกหน คนบอกขึ้นเพิ่นเว้าเข่าท่าก๋า
รวย ทุ่มใส่หวยเมิดมี เชื่อผีลุงป้า แทงสูนห้า ดันมาออกสูนสี่ มีแต่หลุมอ้อยต้อย อ้อยต้อย หลงป้อยซะซาย

ฉิบหายมาร้องไห้ร้องห่ม อาจารย์อาจม ซังกะบ้วย บอกใบ้ให้มาว่าจะรวย กลับถูกหวย กินหัวไอ้ตัวซวย หวยใต้ดิน บนดิน มันดิ้นได้ พลิกไปพลิกมาดังปิงกรวย ว่าจะรวยรับทรัพย์ แต่กลับต้องซวย บ่แม้นหมูในอวย นะหวยเบอร์ เผลอๆถูกหวยกินหัว

กลัวเหลือล้น แทงบนมันออกล่าง ทั้งลอดศอกออกข่าง จนตั้งบ่เซน เจ้งแล้วเจ้ง เก่งกว่าห่ากินหัว มีแต่ตั๋วกับตั๋ว ห่ากินหัวอาจารย์เอ้ย ห่ากินหัวอาจมเอ้ย........."
- ก่อแก่น -


(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕)

ผลกรรมผู้หญิงแต่งกายไม่สำรวมเข้าวัด

ผู้หญิง เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวม


ผู้หญิง ที่เข้าวัดแต่แต่งตัวไม่สำรวมอวดเนื้อหนังให้พระหวั่นไหวต่อไปจะได้รับ
ผลกรรมอย่างไร...?

ขอบเขตของคำถามที่ว่า ‘แต่งกายไม่สำรวม’ เข้าวัดนั้น อาจทำให้เพ่งโทษคับแคบ ต้องค่อยๆ
มองให้ คลุมข้อเท็จจริงตามลำดับครับ

โดยความ เป็นเพศหญิง มีธรรมชาติดึงดูดใจ หรือล่อตาอยู่ในตัวเองเดินๆไปถ้าเป็นที่สนใจได้ก็ถือว่ามีรูปสมบัติอันพึงมี สมเพศตนถ้าวันไหนแต่งองค์ทรงเครื่องได้ถึงขนาดชายหญิงมองเหลียวหลังกันทั่ว ทุกหัวระแหงก็จะยิ่งภาคภูมิเต็มอิ่มประมาณเดียวกับที่นักวิ่งเข้าเส้นชัยได้ เป็นคนแรกทีเดียว

ฉะนั้นผู้หญิงที่รูป ร่างหน้าตาดีเกือบทุกคนจึงอดไม่ได้กับการอยากทดสอบเสน่ห์ของตนแล้ว
อะไรจะเป็นเครื่องทดสอบได้ดีไปกว่าผู้ประกาศตนว่าสละ เรื่องทางเพศแล้วไม่สนใจเพศหญิงอีกแล้ว

สมัยนี้พระทั่วไปไม่ใช่เครื่องทดสอบที่น่าท้าทายอะไรนัก เนื่องจากข่าวฉาวที่ประดังเข้าหูเข้าตาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์แทบไม่เว้นแต่ละ วันทำให้ผู้หญิงยุคใหม่มองพระไม่ต่างจากชายนุ่งกางเกงนอกวัดทั้งหลายหากทำ ให้สนใจได้ยังไม่ถือว่าแน่อะไรนัก เท่าที่ทราบจากคำให้การของสาวๆส่วนใหญ่จะรู้สึกสมเพชและนึกดูถูกพระที่ไม่ สำรวมเพ่งเล็งตนด้วยสายตากรุ้มกริ่มตั้งแต่แรกเห็นยิ่งกว่าสมเพชและดูถูก ผู้ชายทั่วไปมากเนื่องจากใส่เครื่องแบบที่ควรจะมีสง่าราศีเยี่ยงภิกษุผู้ อิ่มแล้วแต่กลับทำตัวกระจอกไม่ต่างจากนักโทษที่หิวโซ

แต่หากกลับเป็นตรงข้ามถ้าเป็นพระชื่อดัง ที่มีคนร่ำลือว่าเป็นผู้สงบ เป็นผู้สำรวมการทำให้
ท่านสนใจได้ นับว่าน่าภาคภูมิใจเป็นพิเศษระดับความอยากให้สนใจก็ต่างๆกันไปตามพื้นความ คิดความอ่านของผู้หญิงแต่ละคน
เท่าที่ได้ ทราบจากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตั้งใจสละโลกและเข้าประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เธอยอมรับว่ารู้สึกผิดและละอายคือพออยู่ๆในวัดไปแล้วอดไม่ได้เห็นชายที่ เคร่งๆแล้วอยากลองเสียหน่อยว่าเขาจะทนเสน่ห์เธอไหวไหมในระดับของเธอ ก็จัดได้ว่ามีสติดีและยอมรับตามจริงมากพอที่จะเห็นแม้อาการตั้งใจเล็กๆน้อยๆ ของตน เช่นชม้ายตาหรือไม่มีอะไรเลยก็เดินด้วยความรู้สึกเป็นเป้าล่อความสนใจของผู้ เคร่งในธรรมธรรมดาผู้หญิงที่เคยถูกจับจ้องมามากจะสำเหนียกรู้ได้ว่ากำลังมี ผู้ชายสนใจตนอยู่หรือเปล่าและเป็นการแอบชำเลืองหรือเพ่งเล็งเขม็งเป็นความ สนใจด้วยความชื่นชมหรือเจืออยู่ด้วยราคะและราคะนั้นถึงขั้นหื่นกระหายหมดรูป หรือว่าเป็นเพียงความวาบหวามแบบอ่อนๆ


หากทำได้ครั้งหนึ่งก็นึกยินดี หรือนึกภูมิใจว่าตนแน่ยิ่งพระที่ขึ้นชื่อว่าปลอดกิเลสเท่าไร ยิ่งอยากทำให้สนใจตนมากขึ้นเท่านั้นแต่หากปลูกฝังจิตสำนึกในทางละอายเอาไว้ ก่อนก็จะรู้สึกผิดรุนแรงที่ทำเรื่องไม่งาม ไม่สมควร หรือบางคนยั่วให้สนใจสำเร็จเห็นพระทำตาหวานใส่ ก็พานเกลียดชัง พานสาปส่ง หมดความนับถือไปเลยไม่เหลือเกียรติให้ต้องเคารพกันอีก และไม่คิดหวนกลับไปทำบุญที่วัดนั้นตลอดชีวิตนี่นับเป็นความขัดแย้งในตัวเอง ที่น่าปวดหัว

ที่กล่าวมาคือหญิงผู้มี สำนึกในธรรมแล้วนะครับตั้งใจจะเดินบนเส้นทางสีขาวแน่นอนแล้วยังเจอเรื่อง มิติมืดภายในตนเล่นงานให้ย่ำแย่เข้าได้ แล้วผู้หญิงธรรมดาโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรับรู้ข่าวคาวๆ ฉาวๆของพระล่ะ?

เท่าที่ทราบแนวโน้ม ของสาวรุ่นใหม่จะไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเครื่องแบบที่เหมาะหรือไม่เหมาะ กับเขตวัดถ้าเพิ่งเข้าวัดใหม่ๆหรือนานๆเข้าวัดทีจะนึกไม่ถึงว่าเสื้อยืดและ กางเกงรัดรูปที่‘แต่งกันเป็นปกติ’ นั้นอาจมีความยั่วตายวนใจ และรบกวนตบะของพระสงฆ์ได้ง่ายๆ

แต่จะ มีสาวอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จงใจแต่งตัวหวือหวาขัดกับสถานที่ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น ไม่ว่าจะพระเณรหรือฆราวาสด้วยกันเข้าหลักถ้าอยากเด่นต้องทำตัวให้ไม่มีใคร เหมือน เขาหลิ่วตาเราอย่าหลิ่วตามเขาแต่งขาวเราต้องแต่งดำ ผู้หญิงอื่นปกปิดเราต้องเปิดโปง

เอา เฉพาะเจตนาอันหนักแน่นข้อนี้นะครับถ้าแต่งตัวโป๊เพื่อล่อตาล่อใจเพศตรงข้าม ในวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำด้วยความภาคภูมิใจและไม่สำนึกผิดภายหลังหญิงนั้น ได้ชื่อว่าเพาะเชื้อแห่งความเป็นธิดาพญามารไว้ในตนแล้ว

การทำบุญสร้างความเป็นธิดาพญามารมีหลายระดับถ้าแจกแจง ละเอียดยิบคงเป็นปึก ในที่นี้ขอแยกเป็นคร่าวๆให้เห็นภาพง่ายสุดคือ

๑) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ก็ทำด้วยน้ำจิตเลื่อมใสของที่นำมาถวายเป็นการจัดหาของตนหรือตั้งใจร่วมสวด หรือฟังเทศนาธรรมด้วยอาการสำรวม ก็เป็นบุญที่มีกำลังมากหากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังอ่อน แค่ในระดับล่อตาล่อใจไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าถ้าสึกพระได้ถือว่าเจ๋ง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสดึงดูดใจแต่เจือด้วยปัญหาร้อนใจในการคบเพื่อนต่าง เพศ เพราะใครๆก็จ้องตาเป็นมันและมักเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศเป็นหลักแต่ กว่าจะกอบโกยประโยชน์จากเนื้อหนังไปได้เต็มอิ่ม กว่าจะรู้สึกจืดชืดก็เนิ่นนานแรมปี

เมื่อ ตายไป กำลังของบุญอาจเป็นแรงฉุดขึ้นสวรรค์ถ้าจิตไม่ผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในหมู่เทวดาที่เสวยบุญรื่นเริงเช้าค่ำตามปกติ แต่หากจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัดก็จะไปอยู่ในหมู่เทวดาฝ่ายมาร มีใจขวางผู้ปรารถนาความหลุดพ้นเห็นใครประพฤติพรหมจรรย์เก่งๆก็อาจทุรนทุราย อยากลองของเช่นลองมาเข้าฝันแสดงภาพงามวิจิตรล่อใจเสียหน่อย ดูซิว่าจะเผลอหลุดฟอร์มไหมพร่ำละเมอเพ้อพกถึงนางในฝันได้ไหม

๒) เมื่อถึงเวลาทำบุญ ใจก็ยังวอกแวกคอยสังเกตว่ามีใครมองตนไหม เมื่อร่วมสวดมนต์กับคนอื่นก็ไม่ตั้งใจเมื่อฟังเทศนาธรรมก็ฟุ้งซ่านเรื่องแฟน อย่างนี้เป็นบุญที่มีกำลังอ่อนและเจืออยู่ด้วยราคะ หากเสน่ห์ที่นำมาโปรยในวัดมีกำลังกล้าแข็งถึงขั้นเห็นว่าถ้าสึกพระได้นับ เป็นยอดหญิง อย่างนี้มีวิบากเป็นกระแสน่ารังเกียจไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าจับต้อง ตัวไม่เหม็นแต่ก็เหมือนเหม็นอย่างไรบอกไม่ถูกผู้ชายเข้ามาด้วยความหน้ามืด สถานเดียวและมักเป็นประเภทที่เสพสมครั้งเดียวแล้วเบื่อทันทีอยากทิ้งขว้าง เหมือนกระดาษชำระที่ใช้แล้วทันที แทบไม่มีแก่ใจอยากแตะต้องต่อเว้นแต่รอให้หน้ามืดอีกทีคราวหลัง

เมื่อตายไปกำลังของบาปมักรั้งลงต่ำถึงอบายภูมิ อาจไปเป็นเปรตจำพวกอสูรยิ่งถ้าจิตผูกพันกับการยั่วยวนคนในวัด ก็จะอยู่ในเขตอสุรกายใจทรามชอบเข้าฝันพระหรือชายดีๆ แสดงเป็นแต่ภาพลามกจกเปรต ล่อให้คิดถึงกามารมณ์และมักเป็นกามารมณ์ที่ผิด หรือสถานเบาถ้ามีวาสนาได้กลับมาเป็นมนุษย์ก็อาจมีความต้องการทางเพศสูง อย่างที่เรียกกัน (แบบผิดความหมายเดิม)ว่าเป็นฮิสทีเรีย อยากมีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เป็นต้น

สิ่งที่ค่อนข้างแน่นอนคือถ้าผู้หญิงเข้าวัดโดยมีใจเจืออยู่ ด้วยเรื่องทางเพศหรือเรื่องเกี่ยวกับการดึงดูดใจชาย เกิดใหม่มักจะเป็นหญิงอีกและห่วงเรื่องความดึงดูดใจของตนเป็นที่หนึ่งจะ กระวนกระวายมากถ้ารู้สึกว่าตนเองขาดความดึงดูดใจ ไม่น่าชมได้เงินเดือนมามักถมลงไปกับเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก

ทางที่ดีที่สุด ถ้าเริ่มเข้าวัดด้วยใจที่สะอาด ไม่มีเจตนาให้พระมาเพ่งพิศตนจะปลอดภัยที่สุดครับ การแต่งกายปกปิดมิดชิดก็เป็นการสะท้อนถึงเจตนาอันดีผมทราบว่าสุภาพสตรีหลาย ท่านมี‘ชุดปกติ’ รัดรูป ตอนเข้าวัดยากจะหา ‘ชุดปกปิด’ ได้เจอ อันนี้ขอแนะนำว่าหากทราบแน่ว่าต้องตามที่บ้านไปเข้าวัดประจำ ก็ควรหาซื้อ ‘ชุดพิเศษ’ มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันดีในการเข้าวัดโดยเฉพาะครับ

ดังตฤณ
http://www.watthummuangna.com/board