2/02/2009

การจะได้สิ่งที่ดีที่สุดต้อง "บำเพ็ญบารมี"

การจะได้สิ่งที่ดีที่สุดต้อง "บำเพ็ญบารมี"
พุทธทาสภิกขุ

การ ปฏิบัติบารมีแบบนี้ เป็นแบบที่ผู้คนส่วนใหญ่มักเคยได้ยินได้ฟังมาแล้วจากนิทานชาดก ทั้งพระโพธิ์สัตว์ พระสาวก และผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระอรหันต์
การบำเพ็ญบารมีแบบนี้ ตั้งจุดหมายไว้ที่สิ่งสูงสุดในพุทธศาสนาเหมือนๆกัน นั่นก็คือ บำเพ็ญความดีอะไรก็ตามเพื่อให้ไปถึง นิพพาน ความหมดทุกข์
การบำเพ็ญบารมีแบบนี้จึงไม่ได้กระทำกันในระดับธรรมดา นอกจากต้องบำเพ็ญให้ครบทั้งสิบประการของบารมีแล้ว ยังต้องบำเพ็ญให้เต็มเปี่ยมอย่างที่สุด
ตัวอย่างในพระสูตรเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมีทั้งหลาย จึงมักดูยากและหนักหนา ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละชีวิตเพื่อผู้อื่น การบริจาคทานจนต้องถูกขับจากเมือง การพากเพียรอดทนทำหน้าที่แม้มองไม่เห็นโอกาสจะสมหวัง
ด้วยมุมมองนี้ ทำให้วิธีปฏิบัติที่มีประโยชน์มากมาย ต้องกลายเป็นเพียงตำนานในสายตาของปุถุชนคนทั่วไป เพราะเราย่อมคิดว่า"ทำไม่ได้" แต่ถ้าเราลองมองบารมีว่าเป็นของดี เป็นของกลาง ผู้ที่เห็นข้อดี มีความตั้งใจ ทุกคนก็มีสิทธิ์ปฏิบัติได้ตามกำลังความสามารถของตนจะอำนวย
บารมีก็ไม่ใช่เรื่องที่ตึง และสุดโต่งเหมือนตัวอย่างที่เราคุ้นเคยในวัยเด็กอีกต่อไป
"พระพุทธเจ้า ทรงส่งเสริมให้เราประกอบกิจอันเป็นประโยชน์อยู่เสมอ ดังนั้นสิ่งใดดีมีประโยชน์ ต่อให้ทำได้ไม่ครบและเต็มเปี่ยม หรือแม้ทำได้เพียงบางส่วน บางข้อ ก็ยังเป็นประโยชน์แก่เรา และแก่โลกนี้อย่างมากแล้ว"

No comments: