10/02/2013

หลวงพ่อฤๅษี สอนเรื่อง "ความเมตตา"

หลวงพ่อฤๅษี สอนเรื่อง "ความเมตตา" สำหรับเมตตาความรัก ต้องอยู่ในขอบเขต ของความดี อย่ารักแบบโง่ ในคณะของเรามี ทั้งฆราวาสก็ดี พระก็ดี ที่มีเมตตา แบบโง่ ก็มีอยู่ ผมสลดใจมาก คือว่า บางทีเห็นพระบางองค์ เห็นฆราวาสบางคน พอฟัง เสียงพูด ในคำสงสัย ก็รู้สึกเสียดาย แรงที่สั่งสอน เพราะอะไรเพราะว่า คนที่เขาได้ดีกัน เขาฟังแล้วก็คิดคิด แล้วก็จำ ไม่ใช่ว่าจะมานั่งหน้าตั้ง ตั้งหน้าตั้งตาสงสัย ปัญญามี เพียงแค่ของเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่รู้จักจะคิด ที่น่าเสียดาย สงสารองค์สมเด็จพระธรรมสามิสร ที่ทรงทรมาน พระวรกายมาทั้ง 4 อสงไขยกับแสนกัป รวบรวมความดีมาเพื่อแจกจ่าย แก่บรรดาพุทธบริษัท แล้วผมเองผมก็เสียดายแรงงาน ของผม เหมือนกัน เพราะตัวผมเอง ไม่เคยจะเรียนแบบนี้ ฟังคำสอนจากอาจารย์นิดหนึ่งก็ไปปฏิบัติให้ได้ ถ้าไม่ได้เกินวิสัย ก็มาถามหน่อยหนึ่ง แล้วก็กลับไปทำ ถ้าสิ่งนั้นยังไม่ได้ จะไม่ยอมกลับมาหาครูบาอาจารย์ อย่างกับบรรดาท่านทั้งหลาย ที่สงสัยว่า จำภาพพระพุทธรูป ลืมตาแล้วก็หลับตา นึกถึงภาพ ภาพมันเลือนไปแล้ว ก็ลืมตามา ดูใหม่ แค่นี้ก็ยังสงสัยกัน ว่าทำไมภาพนั้น เห็นไม่ชัด มันก็สิ่งที่ไม่น่าจะถาม ถ้าใช้คำถาม อย่างนี้ก็แสดงว่า เป็นบรมโง่มัน เป็นเรื่องธรรมดา ที่เด็กอมมือก็รู้การจะจำภาพที่นึกถึงภาพอะไรก็ตาม อยู่ ๆ จะให้อารมณ์มันแจ่มใสจำได้ถนัดไม่ได้ถ้าฝึก ฝนเรื่อย ๆ ไป อารมณ์นั้น มันก็ปรากฏ วันเวลา ตั้งแต่ตื่นอยู่ถึงหลับ จงอย่าทิ้งอารมณ์นั้น ทำอารมณ์ให้มันชินคิด ถึงภาพนึกว่าในสมัยที่เราเคยรักใคร ซึ่งเป็นคู่รัก เวลาหลับตาก็เห็น ลืมตาก็นึกเห็นภาพ หรือว่าถ้าเรามีบ้านอยู่เราจากบ้านไปไหน เวลานึกถึงบ้านขึ้นมาเมื่อไหร่ เราก็นึกถึงภาพบ้าน เมื่อนั้น จิตใจของเรา ไม่ลืมเลือน ไม่ปล่อยสติสตัง ให้มันพลั้งเผลอ นี่เขาทำกันอย่างนี้ มันเป็นของธรรมดา ๆ สำหรับด้านอารมณ์ เมตตา นี่ก็เหมือนกัน ให้ใช้ปัญญาพิจารณา หาความจริง ไอ้เรื่องเมตตานี่มีความสำคัญ ถ้าเมตตาแบบโง่ ๆ มันมีภัยต่อตัวเอง อย่าลืมว่าคนที่เราจะต้อง เมตตานะ พระพุทธเจ้า แบ่งคนไว้เป็น 4 พวก คือ 1. อุคฆฏิตัญญู คนมีปัญญาดี 2. วิปจิตัญญ ปัญญาต่ำมานิดหนึ่ง 3. เนยยะ พอแนะนำได้ เมื่ออธิบายหลายๆ ครั้ง อันนี้คน 3 จำพวกนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ 4. ปทปรมะ เอาดีไม่ได้นี้ องค์สมเด็จพระจอมไตร ทรงเสด็จหลีก ไม่ทรงสั่งสอน จะถือว่า พระองค์ขาดเมตตาไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะสอนเขา เขาไม่รับฟัง สำหรับพวกเราก็เหมือนกัน ถ้าจะแสดงเมตตาจิตก็ดูเสียก่อนว่า คนประเภทนั้นเราควรจะเมตตาไหมแต่เห็นว่าแนะนำแล้ว ไม่ได้ผล ก็จงอย่าสงเคราะห์ คนประเภทนั้น หลีกไปเสีย อย่างพระพุทธเจ้าทรงหลีก แต่ทว่าเขาไม่เลื่อมใส ในองค์สมเด็จ พระบรมสุคต ไม่เชื่อพระสัพพัญญู สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ทรงสั่งสอน นี่ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใครไปใครมาก็เมตตาเสียดะ เมตตาโง่ ๆ แบบนั้นจะสร้างความเดือดร้อน เหมือนกับ เราจะให้ของเขา เขาไม่รับ ไปให้เขาทำไม ไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ต้องไปแค่นเขาให้รับ และอีกประการหนึ่ง วันเวลากำหนดระเบียบวินัยเป็นของสำคัญ จงอย่าเมตตาคน เกินกว่าระเบียบวินัย ดูตัวอย่าง องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา มีพระมหากรุณา ไม่มีขอบเขต แต่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ ทรงวางวินัย ไว้ลงโทษพระ ลงโทษเณร ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า ถ้าไม่มีระเบียบวินัย คนนั้น เราเมตตาไม่ได้ เพราะเป็นคนเลว พระพุทธเจ้าทรงวางวินัย ไว้กี่พันข้อ 227 นี่มัน ยังไม่หมด ยังมีส่วนอภิสมาจารบ้าง ยังส่วนธรรมะ บ้างที่พระองค์ทรงห้าม อ้างอิง จากหนังสือพรหมวิหาร ๔ by: Motanaboon.Com

No comments: