*คำสอน"หลวงปู่มั่น" *
ห้วงแห่งภาวะแล้งมาเยือนแล้ว แม้แต่ลมหายใจออกมายังร้อนระอุจนรับรู้ได้
คงไม่ต้องบอกว่าแล้วอากาศภายนอกปลายเมษายนเดือดเข้าไปเท่าไหร่แล้ว
ยิ่งเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายนที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมฯพยากรณ์ไว้
เป็นวันที่ร้อนที่สุด ก็คงจะใกล้เคียง เพราะขนาดลมทะเลแถวเกาะช้าง จ.ตราด
ยังช่วยระบายไม่ทัน
แต่ที่ช่วยขับร้อนภายในให้คลายได้ ดุจดังได้น้ำเย็นราดรดลงในใจ
เป็นหนังสือธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ที่ท่านหลวงตามหาบัว
ญาณสัมปันโน แห่งวัดบ้านตาด เมืองอุดรธานี
เจ้าของโครงการผ้าป่าช่วยพยุงชาติเมื่อคราววิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐
นำมาถ่ายทอดแบบถามตอบไขปัญหาธรรมและส่วนหนึ่งยังเผยแพร่เป็นธรรมทานในเว็บไซต์หลวงปู
่มั่น
ไม่รู้นักการเมืองเหลี่ยมจัดผู้ห่างธรรมยังจำบุญคุณท่านหลวงตามหาบัวได้หรือไม่?
ในธรรมคำสอนตอนหนึ่งเล่าถึงระหว่างหลวงปู่มั่นมาแวะพักที่วัดบรมนิวาสกรุงเทพฯ
มีคนกรุงกราบถามหลวงปู่มั่นว่า "หลวงปู่รักษาศีลองค์เดียว ไม่ได้รักษาถึง ๒๒๗
องค์ เหมือนพระทั้งหลายที่รักษากันใช่หรือไม่"?
"ใช่ อาตมารักษาเพียงอันเดียว" หลวงปู่มั่นตอบ
คนกรุงกราบถามท่านอีกว่า "ที่หลวงปู่รักษาเพียงอันเดียวนั้นคืออะไร"?
หลวงปู่มั่นตอบสั้นๆ คือ "ใจ"!
คนกรุงผู้ติดอยู่กับการเมืองการเลือกตั้งอุบาทว์ยังไม่แจ่มแจ้ง
กราบถามหลวงปู่มั่นว่า..
"แล้วศีล ๒๒๗ นั้น หลวงปู่ไม่ได้รักษาหรือ"?
หลวงปู่มั่นตอบว่า... "อาตมารักษาใจไม่ให้คิดพูดทำในทางผิด
อันเป็นการล่วงเกินข้อห้ามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ จะเป็น ๒๒๗
หรือมากกว่านั้นก็ตาม บรรดาที่เป็นข้อบัญญัติห้าม อาตมาก็เย็นใจว่า
ตนมิได้ทำผิดต่อพุทธบัญญัติ ส่วนท่านผู้ใดจะว่าอาตมารักษาศีล ๒๒๗ หรือไม่นั้น
สุดแต่ผู้นั้นจะคิดจะพูดเอาตามความคิดของตน
เฉพาะอาตมาได้รักษาใจอันเป็นประธานของกายวาจาอย่างเข้มงวดกวดขันตลอดมา
นับแต่เริ่มอุปสมบท"
คนกรุงผู้ยังไม่พ้นขุมนรกกราบถามอีกว่า "การรักษาศีลต้องรักษาใจด้วยหรือ"?
หลวงปู่มั่นแผ่เมตตาธรรมให้กับคนกรุงผู้ยังเป็นดอกบัวใต้น้ำว่า
"... ถ้าไม่รักษาใจจะรักษาอะไร ถึงจะเป็นศีลเป็นธรรมที่ดีงามได้
นอกจากคนที่ตายแล้วเท่านั้นจะไม่ต้องรักษาใจแม้กายวาจาก็ไม่จำต้องรักษา
แต่ความเป็นเช่นนั้นของคนตายนักปราชญ์ท่านไม่ได้เรียกว่าเขามีศีล
เพราะไม่มีเจตนาเป็นเครื่องส่องแสดงออก
ถ้าเป็นศีลได้ควรเรียกได้เพียงว่าศีลคนตาย
ซึ่งไม่สำเร็จประโยชน์ตามคำเรียกแต่อย่างใด
ส่วนอาตมามิใช่คนตายจะรักษาศีลแบบคนตายนั้นไม่ได้
ต้องรักษาใจให้เป็นศีลเป็นธรรมสมกับใจเป็นผู้ทรงไว้ทั้งบุญทั้งบาปอย่างตายตัว..."
คนกรุงท่านนั้นผู้ได้ฟังธรรมคำสอนง่ายๆ ตรงๆ แต่ลึกของหลวงปู่มั่นแล้ว
ผมไม่รู้จะเป็นบัวพ้นน้ำ หรือบัวแล้งน้ำ!
ที่มา : มติชน ๒๗ เมษายน ๒๕๔๙
ห้วงแห่งภาวะแล้งมาเยือนแล้ว แม้แต่ลมหายใจออกมายังร้อนระอุจนรับรู้ได้
คงไม่ต้องบอกว่าแล้วอากาศภายนอกปลายเมษายนเดือดเข้าไปเท่าไหร่แล้ว
ยิ่งเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายนที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมฯพยากรณ์ไว้
เป็นวันที่ร้อนที่สุด ก็คงจะใกล้เคียง เพราะขนาดลมทะเลแถวเกาะช้าง จ.ตราด
ยังช่วยระบายไม่ทัน
แต่ที่ช่วยขับร้อนภายในให้คลายได้ ดุจดังได้น้ำเย็นราดรดลงในใจ
เป็นหนังสือธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ที่ท่านหลวงตามหาบัว
ญาณสัมปันโน แห่งวัดบ้านตาด เมืองอุดรธานี
เจ้าของโครงการผ้าป่าช่วยพยุงชาติเมื่อคราววิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐
นำมาถ่ายทอดแบบถามตอบไขปัญหาธรรมและส่วนหนึ่งยังเผยแพร่เป็นธรรมทานในเว็บไซต์หลวงปู
่มั่น
ไม่รู้นักการเมืองเหลี่ยมจัดผู้ห่างธรรมยังจำบุญคุณท่านหลวงตามหาบัวได้หรือไม่?
ในธรรมคำสอนตอนหนึ่งเล่าถึงระหว่างหลวงปู่มั่นมาแวะพักที่วัดบรมนิวาสกรุงเทพฯ
มีคนกรุงกราบถามหลวงปู่มั่นว่า "หลวงปู่รักษาศีลองค์เดียว ไม่ได้รักษาถึง ๒๒๗
องค์ เหมือนพระทั้งหลายที่รักษากันใช่หรือไม่"?
"ใช่ อาตมารักษาเพียงอันเดียว" หลวงปู่มั่นตอบ
คนกรุงกราบถามท่านอีกว่า "ที่หลวงปู่รักษาเพียงอันเดียวนั้นคืออะไร"?
หลวงปู่มั่นตอบสั้นๆ คือ "ใจ"!
คนกรุงผู้ติดอยู่กับการเมืองการเลือกตั้งอุบาทว์ยังไม่แจ่มแจ้ง
กราบถามหลวงปู่มั่นว่า..
"แล้วศีล ๒๒๗ นั้น หลวงปู่ไม่ได้รักษาหรือ"?
หลวงปู่มั่นตอบว่า... "อาตมารักษาใจไม่ให้คิดพูดทำในทางผิด
อันเป็นการล่วงเกินข้อห้ามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ จะเป็น ๒๒๗
หรือมากกว่านั้นก็ตาม บรรดาที่เป็นข้อบัญญัติห้าม อาตมาก็เย็นใจว่า
ตนมิได้ทำผิดต่อพุทธบัญญัติ ส่วนท่านผู้ใดจะว่าอาตมารักษาศีล ๒๒๗ หรือไม่นั้น
สุดแต่ผู้นั้นจะคิดจะพูดเอาตามความคิดของตน
เฉพาะอาตมาได้รักษาใจอันเป็นประธานของกายวาจาอย่างเข้มงวดกวดขันตลอดมา
นับแต่เริ่มอุปสมบท"
คนกรุงผู้ยังไม่พ้นขุมนรกกราบถามอีกว่า "การรักษาศีลต้องรักษาใจด้วยหรือ"?
หลวงปู่มั่นแผ่เมตตาธรรมให้กับคนกรุงผู้ยังเป็นดอกบัวใต้น้ำว่า
"... ถ้าไม่รักษาใจจะรักษาอะไร ถึงจะเป็นศีลเป็นธรรมที่ดีงามได้
นอกจากคนที่ตายแล้วเท่านั้นจะไม่ต้องรักษาใจแม้กายวาจาก็ไม่จำต้องรักษา
แต่ความเป็นเช่นนั้นของคนตายนักปราชญ์ท่านไม่ได้เรียกว่าเขามีศีล
เพราะไม่มีเจตนาเป็นเครื่องส่องแสดงออก
ถ้าเป็นศีลได้ควรเรียกได้เพียงว่าศีลคนตาย
ซึ่งไม่สำเร็จประโยชน์ตามคำเรียกแต่อย่างใด
ส่วนอาตมามิใช่คนตายจะรักษาศีลแบบคนตายนั้นไม่ได้
ต้องรักษาใจให้เป็นศีลเป็นธรรมสมกับใจเป็นผู้ทรงไว้ทั้งบุญทั้งบาปอย่างตายตัว..."
คนกรุงท่านนั้นผู้ได้ฟังธรรมคำสอนง่ายๆ ตรงๆ แต่ลึกของหลวงปู่มั่นแล้ว
ผมไม่รู้จะเป็นบัวพ้นน้ำ หรือบัวแล้งน้ำ!
ที่มา : มติชน ๒๗ เมษายน ๒๕๔๙
No comments:
Post a Comment