มานพหนุ่มช่างทอง
กาลต่อมาพระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นบุตรของช่างทองและเป็นมานพหนุ่มช่างทองมีรูปสิริเลิศงดงาม ในเมืองแห่งนั้นมีฝีมือในการทำทองนั้นยอดเยี่ยม ชื่อเสียงในการทำทองขจรไปไกล เพราะความมีฝีมือนี้เองได้มีเศรษฐีของเมืองมาทำการว่าจ้างให้ทำทองรูปพรรณให้บุตรสาวที่จะเข้างานวิวาห์มงคล เมื่อเห็นรูปร่างของหนุ่มช่างทองก็เกิดลังเลแต่ไม่สามารถหาช่างทองที่ฝีมือดีกว่านี้ได้อีกเลย จึงกล่าวกับหนุ่มช่างทองว่าถ้าท่านเห็นมือ และเท้าของบุตรสาวของเราอย่างเดียวท่านสามารถทำทองได้สวยสดงดงามหรือไม่? หนุ่มช่างทองก็บอกว่าทำได้ เหตุผลของท่านเศรษฐีทำแบบนี้เพราะบุตรสาวเป็นหญิงที่สวยสดงดงาม เมื่อเห็นหน้าตากันจะทำให้ทั้งสองเกิดหวั่นไหวมีปัญหาในการแต่งงานของลูกสาวกับบุตรชายของเพื่อนเศรษฐีที่มั้นหมายไว้แล้วเป็นการตัดไฟเสียต้นลม
เมื่อถึงวันที่หนุ่มช่างทองทำการตรวจวัดมือและเท้าของบุตรสาวเศรษฐี ที่บ้านของเศรษฐี ท่านเศรษฐีได้ทำฉากกั่นให้บุตรสาวยืนเฉพาะมือและเท้าออกมาเท่านั้นแต่บุตรสาวเกิดความสงสัยว่าทำไม่บิดาจึงทำอย่างนี้ในขณะที่หนุ่มช่างทองกำลังตรวจวัดอยู่ บุตรสาวเศรษฐี ก็แอบดูตามช่องที่มองเห็นได้เมื่อเห็นรูปร่างหนุ่มช่างทองเกิดหลงรักทันที จึงทำการเขียนอักษรนัดแนะหนุ่มช่างทองทันที่ ว่าในค่ำคืนนี้นัดเจอกันที่ส่วนหลังบ้านที่เป็นต้นไม้ใหญ่ฝ่ายหนุ่มช่างทองเมื่อเสร็จภารกิจ ก็กลับไปยังเรือนของตน ทำงานทำทองตลอด
เมื่อตกค่ำก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปตามนัด ที่กาญจนวดีกุมารีบุตรสาวเศรษฐีได้เขียนอกษรไว้แต่มานพหนุ่มช่างทองมาถึงต้นไม้ใหญ่ก่อน นั่งรออยู่ เพราะทำงานมาทั้งวันเมื่อเจอบรรยากาศร่มรื่นจึงเผลอหลับไปเมื่อนางกาญจนวดีกุมารีมาถึงก็เห็นหนุ่มช่างทองหลับไปแล้วซึ่งในสมัยนั้นมีการถือกันว่า ถ้าผู้ใดนอนหลับอยู่ห้ามปลุกขึ้นมาเพราะจะเป็นบาปนางจึงนั่งรอเป็นเวลาพักใหญ่ เห็นว่าไม่ตื่น จึงว่าขันใส่ดอกไม้ไว้แล้วเขียนอักษรไว้ว่า นางได้มาแล้วแต่ท่านหลับอยู่ จึงว่างขันดอกไม้ไว้ให้ทราบและในราตรีต่อไปขอนัดเจอที่เดิม แล้วจากไป เมื่อหนุ่มช่างทองตื่นขึ้นมาเห็นขันดอกไม้จึงรู้ว่านางได้มาแล้วและได้อ่านข้อความที่นางเขียนไว้
ตกค่ำวันต่อมาหนุ่มช่างทองก็ออกไปตามนัดเหมือนเดิมก็ไปถึงต้นไม้ใหญ่ก่อนอีก ด้วยความอ่อนแรงจากการงานจึงเผลอหลับไปอีกนางกาญจนวดีกุมารีเมื่อมาถึงก็เห็นหลับเหมือนเดิม จึงเขียนอักษรนัดแนะเหมือนเดิมหนุ่มช่างทองเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบอักษรที่นัดแนะก็ให้นึกโกรธตนเองที่เผลอหลับมาสองวันแล้ว
พอตกค่ำวันที่ 3 ครั้งนี้หนุ่มช่างทองพยายามเตือนตนเองอย่างเต็มที่ไม่ให้เผลอหลับแต่ต้านไว้ไม่อยู่เลยเผลอหลับไปอีก เมือกาญจนวดีกุมารี มาเห็น ก็คิดว่าบุญไม่ต้องกันที่จะได้อยู่ร่วมกัน เพราะตนจะเข้างานวิวาห็นางจึงวางขันดอกไม้ไว้อย่างเดียว ให้รู้ว่านางได้มาตามนัดแล้วแต่ครั้งนี้ไม่ได้เขียนอักษนัดแนะประการใด เมื่อหนุ่มช่างทองตื่นขึ้นมาก็โกรธตนเองที่เผลอหลับจึงกลับบ้านด้วยความผิดหวังที่จะดูหน้าและรูปร่างเพียงสักครั้ง
แล้วนางกาญจนวดีกุมารี ก็เข้าวิวาห์กับบุตรชายเศษรฐี ตามกำหนดการฝ่ายหนุ่มช่างทองก็คล่ำครวญถึงนางกาญจนวดีว่าสมควรจะอยู่ร่วมภิรมณ์กับตนและควรเป็นของเรา เพราะหญิงก็มีใจกับตน จึงคิดหาอุบายได้ทำเครื่องทองที่ดีเลิศขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วนำไปถวาย มหาอุปราชมหาอุปราชทรงพอพระทัย จึงทรงถามหนุ่มช่างทองว่ามีประสงค์อันใดที่นำเครื่องทองอันดีเลิศมาถวาย หนุ่มช่างทองจึงบอกจุดประสงค์มหาอุปราชจึงรับปากและจะออกอุบายช่วยเหลือหลังจากนั้นก็ให้หนุ่มช่างทองแต่ตัวเป็นสตรี ปลอมเป็นน้องหญิงของมหาอุปราชแล้วทรงกระบวนช้างผ่านไปยังบ้านเศรษฐีแล้วตรัสบอกกับท่านเศษรฐีว่าจะเอาน้องหญิงมาฝาก ที่บ้านเศรษฐี เพราะออกไปปราบข้าศึกที่ชายแดนและห็นว่าท่านได้สร้างเรือนใหม่ ที่พอจะฝากน้องหญิงได้
แล้วมหาอุปราชถามอีกว่า "เรือนนั้นเป็นเรื่อนของใครของใครหรือ? "
เศรษฐีจึงตอบว่า "เป็นเรือนของบุตรสาวที่พึ่งแต่งงาน"
มหาอุปราชกล่าว "อย่างนั้นก็ดีสิ ! จะได้ให้น้องหญิงพักอยู่ที่นั้นและจะได้ให้บุตรสาวของท่านอยู่เป็นเพื่อนของน้องหญิงให้นางงดการอยู่ร่วมกับสามีชั่วคราวห้ามผู้ชายแม้กระทั้งสามีของบุตรสาวท่านเข้าไปในส่วนของชั้นเรือนที่น้องหญิงพักอยู่โดยมีบุตรสาวของท่านอยู่เป็นเพื่อน แล้วเราจะกลับมารับหนึ่งหญิงในภายหลัง"
เศรษฐีด้วยความเกรงในอำนาจของอุปราชและเห็นว่าท่านอุปราชทรงห่วงใยน้องหญิงคนนี้มากจึงรับทำตามที่มหาอุปราชกำชับด้วยความเต็มใจ
หลังจากนั้นหนุ่มช่างทองได้อยู่ร่วมกับนางกาญจนวดี เป็นเวลา 3 เดือนโดยไม่มีใครรู้เรื่องเลย จนมหาอุปราชมารับกลับไป
ด้วยผลกรรมที่พระโพธิสัตว์ผิดลูกผิดเมียของผู้อื่นเมื่อสิ้นอายุขัยของตกนรกทันที่เวียนเกิดตายระหว่างอบายภูมิ(ภพต่ำ)เป็นเวลานาน แล้วเกิดเป็นกระเทยและเป็นผู้หญิงเป็นพันชาติ รวมเวลา ถึง 14 มหากัป
เมื่อ ทำกรรมหนักเพียงชีวิตเดียวก็ตกลงในภพภูมิที่ต่ำจะทำ ให้สร้างบุญกุศลนั้นยาก เพราะใจจะตกต่ำไปด้วยย่อมกระทำกรรมเล็กๆ น้อยๆ ไปเรี่อยกว่าจะหลุดพ้นมาได้ก็ใช้เวลาหลายมหากัปนับประสาอะไรกับผู้ที่ไม่ ปรารถนาสร้างบารมี(อย่างใดอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา)จะวนเวียนอยู่โดยไม่รู้ทิศ รู้ทางเป็นเวลานานนับแสนแสนอสงไขย จนประมาณไม่ได้
src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">
7/26/2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment