ถาม : (ไม่มีเสียง)
ตอบ : เรื่องของพระมหากัสสปนี่ หลวงพ่อเล่าให้ฟังครั้งหนึ่งว่า ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ภูเขาสองลูกที่ปิดหน้าถ้ำที่เก็บศพท่านอยู่ มันเลื่อนออกมาเป็นช่องให้เข้าไปได้ แล้วนายช่างสำรวจทางจะทำ
ทางรถไฟสายเหนือที่เป็นฝรั่งเข้าไปพบเข้า อาจเป็นความต้องการของท่านด้วย เพราะฝรั่งเขามีกล้องถ่ายรูป
ถาม : ทุกวันนี้พบแล้วหรือยังครับ... ?
ตอบ : พบตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ แล้ว ก็มีคนไปถ่ายรูปชุดนั้นออกมา พอหลวงพ่อได้ข่าวนี้ก็ขอรูปมา หลวงพ่อบอกอัศจรรย์มาก ดอกไม้ธูปเทียนที่จุดบูชาอยู่ตั้งแต่สมัยที่ท่านมรณภาพ จนป่านนี้ก็ยังสดอยู่ปกติ ก็เอาไปถวายหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานบอกว่า ไม่แปลก เพราะว่าเรื่องของอภิญญา อธิษฐานอะไรก็ได้
ท่านบอกพอพ้นจากนั้นมาแล้ว ภูเขาสองลูกก็เลื่อนเข้ามาตามเดิมปิดอยู่ตามเดิม แล้วถามว่าเมื่อไหร่ สังขารถึงจะมาปรากฏอีกทีหนึ่ง ท่านบอกว่ารอพระศรีอาริยเมตไตรยอยู่ เพราะท่านมีกรรมเนื่องกันมา ท่านมีกรรมเนื่องกันมาว่า มีอยู่สมัยหนึ่ง พระศรีอาริยเมตไตรย ท่านเป็นควาญช้าง ส่วนพระมหากัสสป ท่านเป็นช้าง ท่านเป็นช้างที่ได้รับการฝึกดี แล้วก็ถวายเป็นพาหนะของพระราชา
วันนั้นพระราชาเสด็จประพาสอุทยาน สมัยก่อนอุทยานก็คือป่าดี ๆ นี่เอง แต่มันเป็นป่าเฉพาะที่พระราชาท่านกันเอาไว้ ช้างป่ามันเข้ามา ช้างทรงพอได้กลิ่นตัวเมีย เตลิดตามเลย ควาญช้างสับท่าไหนก็ไม่ยอมหยุด พระราชาท่านเห็นว่าจะเกิดอันตรายขึ้น ท่านฉลาดนี่ ท่านมองซ้าย มองขวา เห็นมันวิ่งจะลอดใต้กิ่งไม้ก็โอบกิ่งไม้เอาไว้ ปล่อยให้ช้างวิ่งไปช้างเตลิดหายไปเลย
กลับมาก็กริ้วมาก หาว่าควาญช้างฝึกมาอย่างไร จะลอบปลงพระชนม์กันหรือไร? ทำให้ช้างอาละวาดได้ขนาดนั้น ควาญช้างท่านก็ยืนยันบอกว่า ถ้าหากว่าตามปกติทั่ว ๆ ไปแล้ว จะไม่มีอะไรที่ทำให้ช้างตัวนี้ตื่นตกใจหรือว่าวิ่งตามไปได้ ยกเว้นอย่างเดียวก็คือตัวเมีย ไม่อย่างนั้นแล้วมนต์ของท่านรับประกันว่าบังคับช้างได้ทุกรูปแบบ พระราชาท่านก็บอกว่าถ้าบังคับได้ทุกรูปแบบต้องแสดงให้ดู ถ้าทำได้จริง ๆ จะเชื่อ แต่ถ้าทำไม่ได้จริงอย่างปากพูดจะประหารซะ แล้วท่านก็เลยไปตามช้างกลับมา
พอไปตามช้างกลับมาก็แสดงหน้าพระที่นั่ง ก่อกองไฟขึ้น เอาท่อนเหล็กไปเผาจนแดงโชนเลย แล้วก็ร่ายมนต์บังคับให้ช้างเอางวงจับท่อนเหล็กนั้นขึ้นมาให้ดู พระราชาท่านก็สลดใจว่า เออหนอ ไฟราคะนี่มันรุนแรงขนาดนี้รุนแรงขนาดทำให้ช้างซึ่งยอมตายถวายชีวิตเพื่อควาญ ของตัวเองโดยการเอางวงจับเหล็กแดง ๆ ได้ ถึงกับลืมคำสั่งควาญเตลิดตามตัวเมียไป คราวนี้ไม่ใช่พระราชาท่านสลดใจเฉย ๆ ช้างตายด้วย บาดเจ็บสาหัสก็ตาย
เลยกลายเป็นเวรกรรมผูกพันกันมาว่า ควาญช้างที่เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยต้องมาเอาช้าง คือ พระมหากัสสป เผาในมือท่านด้วยเตโชธาตุ ถึงจะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันไป ถึงได้ว่าร่างของท่านต้องอยู่กระทั่งสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย จนได้รับการพระราชทานเพลิง มีกรรมเนื่องกันมานิดเดียว
ถามหลวงพ่อว่า แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยจะร้อนไหมครับ ? ท่านบอกว่า เรื่องของเตโชธาตุบังคับได้อยู่แล้วนี่ จะไปร้อนอะไรเล่า เพียงแต่ว่ากรรมมันเนื่องกันมาต้องไปใช้หนี้เก่า ต้องเผาด้วยมือตัวเอง
คราวนี้เรามานึกดูว่า พระมหากัสสปท่านอยู่ในสมัยที่มนุษย์สูงแค่ ๘ ศอก คือ พระพุทธเจ้าสูง ๘ ศอก ใช่ไหมล่ะ? พระพุทธเจ้าพระราชทานสังฆาฏิให้กับพระมหากัสสปได้ แสดงว่ารูปร่างท่านต้องสูงใกล้เคียงกัน ตีว่าพระมหากัสสปสูง ๘ ศอกเหมือนกัน แต่พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้นี่พระวรกายสูง ๘๘ ศอก เท่ากับว่าเอาอะไรเล็ก ๆ เผาในมือตัวเอง
ถาม : ๘๘ ศอก ?
ตอบ : ๘๘ ศอก นี่อ่านในอนาคตวงศ์
ถาม : ที่บอกว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์ พระมหากัสสปท่านก็ไม่ไหม้ ?
ตอบ : ก็จะไปไหม้อะไรเล่า ไหม้ก็แต่ของที่อยู่บนผิวโลก นี่อยู่ในถ้ำใต้โลกเลย ภูเขาปิดอยู่มันก็เหมือนอยู่ใต้โลก ถึงเวลาก็เลื่อนเปิดออกมา
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
No comments:
Post a Comment